วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ข่าวแตงโมช้ำรัก กินยาหนีความเจ็บปวด

ผมไม่รู้ว่าเรื่องจริงๆมันเป็นยังไง เลยไม่อยากไปทับถมหรือซ้ำเติมคนที่บาดเจ็บอยู่อย่างคุณแตงโม

แต่ถ้าเรื่องมันเป็นออกแนว

เพราะคุณโตโน่ ไปพูดในเวทีคอนเสิร์ตว่า "โสด"
คุณแตงโมได้ยินเข้า เลยรู้สึก "เจ็บปวด"
จนต้องหาทาง "ระบาย" หรือ "ปลดปล่อย" ความเจ็บปวดนั้นไป

ผมไม่อยากพูดเรื่องระหว่างคนสองคนนี้เท่าไหร่ครับ
เพราะเราไม่รู้จริงๆว่า ข้างในลึกๆนั้น มันเป็นอย่างไรกันแน่

แต่หากพูดถึงความ "เจ็บปวดจากความรัก" ทั่วๆไป
มันก็มีหลายรูปแบบ

รูปแบบที่คล้ายๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ก็คือ

--- การที่แฟนเก่า(หรือคนที่เคยคบกัน) ไปประกาศตัวเองว่า "ฉันโสดแล้วนะ" ทำให้ตัวเราที่ยังรักหรือผูกพันธ์กับเขาอยู่ เกิดความรู้สึกน้อยใจ โกรธ เสียใจ หงุดหงิด ไปจนถึง เจ็บปวดได้ ---

เรื่องนี้ จริงๆ ถ้าใครเคยมีแฟนก็คงจะพอเข้าใจได้ครับ
ว่าการที่แฟนของเรา หรือคนที่เรารัก เขาไปบอกกับคนอื่นว่า "เขาโสด" ทั้งๆที่เรายังรักเขาอยู่นั้น ถ้ามันมาเข้าหูเรา มันจะทำให้เราเจ็บปวดได้ขนาดไหน

ความจริง คนที่พูดว่า "โสด" อาจจะรู้สึกอย่างนั้น หรือไม่เลยก็เป็นได้ อาจแค่บอกออกไปเพื่อประชด เพื่อ make clear สถานะให้ชัดๆ เพื่อตอบคำถามคนอื่นที่ถามกันมาจังเลย หรือแม้แต่ เพื่อบอกตัวเองให้เข้มแข็ง ก็เป็นเหตุผลได้หมดครับ

ประเด็นคือ เราไม่รู้หรอกว่า คนพูดนั้น เขาพูดไปด้วยเหตุผลของอะไรกันแน่

สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือ

ทำความ "เข้าใจ" ครับ

เข้าใจทั้งตัวเขา ว่า เขาไม่ใช่ของเรานะ ตอนนี้ เรากับเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน เขาจะไปทำอะไร ไปอยู่กับใคร มันก็เรื่องของเขา

เข้าใจตัวเรา ว่า เราเอง ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของเขานะ ไม่ได้สร้างเขามา เขามีชีวิตจิตใจ เช่นเดียวกันกับเรา เมื่อระหว่างเรา มันไปกันไม่ได้ มันก็คือ การสิ้นสุดของความสัมพันธ์

ที่สำคัญคือ เข้าใจโลก ครับ เข้าใจว่า ทุกสิ่งบนโลกนั้น มันก็แค่เนี้ย มันไม่มีอะไร มีพบมีพราก มีจากก็มีเจอ ต้องเข้าใจไว้เสมอ ว่าเราไม่สามารถรักษาอะไรให้มันอยู่ยั้งคงทนได้ตลอดไปหรอก

ที่ผมมาพูดเนี่ย ไม่ได้จะมาบอกว่า ฉันดีกว่า ฉันเก่งกว่า หรืออะไรอย่างไรนะครับ

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเจ็บปวดจากความรัก เฉกเช่นเดียวไม่ต่างกับเพื่อนมนุษย์อีกหลายท่าน ที่มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป

แต่....

ผมอยากเตือนสติ หลายๆคนที่กำลังประสบพบเจอปัญหาที่คล้ายๆกันอยู่นี้

มันนึกภาพออกง่ายครับ ว่า เมื่อเรารักใครสักคน แล้วได้รับความรักนั้นตอบกลับมา มันมีความสุขแค่ไหน และพอเราสูญเสียมันไป ถ้าเรายังไม่หมดรัก มันก็ยิ่งเจ็บปวด ถ้าได้รู้ว่า เขาคนนั้น ที่เรายังรักอยู่ อาจจะไม่ได้คิดถึงเราเท่าที่เราคิดถึงเขาอีกแล้วก็ได้

แต่ มันห้ามกันได้มั้ยล่ะครับ
ห้ามไม่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา คิด พูด หรือทำอะไรอย่างใจเราได้ไหม?

ถ้าได้ โลกนี้คงไม่มีใครเป็นทุกข์แล้วล่ะครับ

และเพราะมันห้ามไม่ได้นั่นแหละ
ความสัมพันธ์ มันถึงเป็นอะไรที่ ทั้งเปราะบาง และก็แข็งแกร่ง นั่นเองครับ

มันสร้างขึ้นจากคน 2 คน ที่ตัดสินใจจะเริ่มต้น "ชีวิตคู่" ร่วมกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้น จะใหญ่โต เพิ่มพูนขึ้นมากแค่ไหน มันก็เป็นเรื่องของคนสองคน
และพอมันล่มสลาย สิ้นสุด หรือแตกหักลง
มันก็เป็นเรื่องของคนสองคนนั้นครับ ที่ต้องกลับมามองกันเองอีกครั้ง ว่าเราจะเอายังไงกับขยะตรงหน้านี้ดี

จะสร้างมันใหม่ขึ้นมาด้วยน้ำมือเราทั้งคู่ จะปล่อยมันทิ้งไว้แบบนั้นแล้วไปสร้างกันเองใหม่อีกครั้ังโดยไม่หันกลับมามองของเก่า หรือจะปล่อยมือจากกัน แล้วไปสร้างของใหม่ขึ้นกับใครคนอื่นอีกสักคน

ถ้าคนใหม่ที่ว่านั้น เขายืนรออยู่ใกล้ๆ เพื่อจะร่วมสร้างกับเรา มันก็คงง่ายกับเรา เพราะคงไม่ต้องไปเดินทางออกตามหาความรักใหม่ที่ไหน

แต่ถ้าเรายังไม่มีคนๆนั้น ก็คงเป็นความยากลำบากอีกเรื่องครับ

ที่เราเอง ก็ต่างพยายามสร้างสรรค์ให้ความสัมพันธ์มันงอกเงยเติบโตขึ้นมา และอยู่ๆ มันก็พังครืนลง ทิ้งเราให้ยืนเหงาว่างเปล่าอยู่คนเดียว มองหาคนที่เคยจับมือกัน ก็ไม่อยู่ข้างๆเสียแล้ว ต่างคนต่างอยู่ไป

แล้วทำไงดีล่ะ จากที่เคยมีกันสองคน วันนี้เหลือตัวคนเดียว มันก็รู้สึกเหมือนขาดหายอะไรไป

ผมอยากจะบอกว่า ตอนที่เรามีความสัมพันธ์กันอยู่น่ะครับ
ให้พูดคุยปรึกษาหารือกันให้ดี ทั้งกับเขา และกับตัวเราเอง

กับเขา คือ เราจะสร้าง "เรื่องของเรา" ต่อยังไง ให้มันเติบโต แน่นหนา แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

กับเรา คือ เราเข้าใจตัวเองจริงๆหรือเปล่า ว่า คบกับเขาไปแล้ว เรามีความสุข หรือทุกข์มากกว่า

เราควร คบกับเขาต่อ แล้วสร้างเรื่องของเราต่อไป
หรือควรหาทางจบกับเขาเสีย แล้วเริ่มเรื่องของเราใหม่กับคนอื่น

เรื่องพวกนี้ไม่มีคำตอบหรอกครับ
มันมีแค่ เรา "เข้าใจ" จริงๆหรือเปล่า

ว่า เราเอง คือตัวเราคนเดียว เขา คือคนหนึ่งในชีวิต มีพบ ก็ต้องมีจาก ไม่จากเป็น ก็จากตาย

เพราะฉะนั้น ถ้าวันนี้ เราเลือกแล้วว่า เขาใช่ ก็จงเดินต่อไป อย่าหลอกตัวเอง มุ่งมั่น เดินไปข้างหน้า เพื่ออนาคตของ "เราทั้งคู่" เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำทีหลัง

แต่ถ้าเราเลือกแล้วว่า สำหรับเรา "มันยังไม่ใช่" ก็ต้องเลือกทางแยกตรงหน้าครับ

ทีนี้ เลือกแยกแล้ว ก็ต้องเข้าใจด้วยนะครับ ต้องปรับตัวเองให้สามารถรับรู้กับความเจ็บปวดที่จะมาถึงแน่ๆให้ได้
ใจเรามันไม่ใช่ของเราหรอกครับ อยู่ดีๆมันจะคิดถึงเขา มันก็ไม่ขออนุญาตเราหรอกครับ มันคิดเลย ภาพในหัวมันขึ้นมาเป็นหน้าเขาเลย

ผมเองก็ยังเป็นเลยครับ พอได้ทำอะไรบางอย่าง ได้ผ่านไปบางที่ ที่ทำให้นึกถึงแฟนเก่า มันก็ปร๊าดด เข้ามาในหัวเลย ทั้งๆที่แฟนเรายังอยู่ข้างๆ

แล้วผมทำอะไรล่ะครับ
ผมก็ปล่อยมันผ่านไปนั่นแหละ แค่นั้นจริงๆ มันเป็นเรื่องในหัวเรา เราไม่เอามาพูด ไม่เอามาทำ ไม่ไปอะไรยังไงต่อ มันก็เป็นแค่เรื่องในหัวเราเท่านั้นแหละครับผม

เรื่องมันจะไม่เลวร้ายเลยครับ ถ้าเราไม่ "กระทำ" หลังจากที่ "ได้รับ" อะไรบางอย่างเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นภาพความทรงจำ หรือมีคนพูดให้ฟังว่าแฟนเก่าเราไปมีคนใหม่แล้วนะ อย่างนู้นนะ อย่างนี้นะ ฯลฯ

มันจะไม่เกิดปัญหาใดๆขึ้นมาแน่ๆครับ ถ้าเราไม่ไป "กระทำ" มันต่อ

กรณีที่เกิดขึ้นนี้คือ ได้รับความเจ็บปวด แล้วไปกินยา จนเกินขนาด

ถามว่า ถ้าเจ็บปวดมาแล้ว ไปเข้ายิม ฟิตเนส ต่อยมวย อ่านหนังสือ ดูหนัง ไปเที่ยว ฯลฯ
ปัญหามันจะไม่เกิดครับ

แต่ถ้าเจ็บปวดแล้ว ไปกินยา ไปทำร้ายคนอื่น ไปหาคนนอนด้วยประชด ไปเล่นการพนัน ฯลฯ
ปัญหาก็เกิดครับ แค่นั้นจริงๆ

ผมไม่ได้ดูถูกความรักหรือความรู้สึกที่คุณแตงโมมีให้คุณโตโน่นะครับ
แต่ ผมว่า คนเรามีทางเลือกอีกเยอะครับ เลือกที่จะทำแล้วก่อให้เกิดผลดีหรือร้ายกับตัวเราและคนที่สำคัญของเราได้ ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราทั้งสิ้น

ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าคุณแตงโม ทำอะไรแล้วมันจะดีที่สุด

และผมก็ไม่มี "มิเตอร์วัดความเจ็บปวด" มาวัดด้วยว่า ความรู้สึกของใครมันเจ็บปวดกว่ากัน ระหว่างคุณแตงโม กับของคนอื่น (ที่หลายๆคนดูจะเจ็บปวดกว่าด้วยซ้ำ)

ส่วนตัวผมไม่ค่อยจะอยากเชื่อนักหรอกครับ ว่าคุณแตงโมอยากจะฆ่าตัวตายประชดรัก

แต่มันคงจะดีกว่านี้แน่ๆ ถ้าวันนึงที่คุณแตงโมผ่านมันไปได้ และทำให้ตัวเองเป็น "คนที่น่าอิจฉา" ขึ้นมา วันนั้น คนส่วนใหญ่ต้องหันมาเป็นกำลังใจและให้เธอเป็นไอดอลของตนเองแน่นอนครับ