นี่คงเป็นบทความสุดท้ายที่ผมจะพิมพ์บนโต๊ะทำงานของผมที่บริษัทเกี่ยวกับเรื่องของการเป็นลูกจ้างของผมเองล่ะครับ
นั่งเลื่อนย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ 190 วัน ที่นับถอยหลังตั้งแต่กลางๆปีแล้วก็นะ เวลามันช่างผ่านไปไวเสียนี่กระไร เผลอแป๊บเดียว มาถึงสัปดาห์สุดท้ายกันแล้ว
สำหรับผม มันไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นกับตัวเองเท่าไหร่เลยครับ ยังงงอยู่ว่า ทำไมเราไม่ตื่นเต้นอะไรกันมั่ง แฟนผมกับลูกน้องของผมซะอีกที่ดูจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากกว่าผมอยู่หลายเท่าทีเดียว
อาจเป็นเพราะว่า สำหรับผมแล้ว การหยุดวันเสาร์อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองได้หยุดพักผ่อนสักเท่าไหร่อยู่แล้วครับ แต่ก่อนนี้ เสาร์อาทิตย์ คือวันพักผ่อน ต้องมีไปเที่ยว ไปดูหนัง กินข้าวนอกบ้าน ฯลฯ
แต่หลังจากเปิดร้านผ้าม่านกับแฟนแล้ว วันหยุดผมก็เหมือนจะหายไปเลยทันที มันเลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากว่า ออกไปแล้ว ชีวิตจะเปลี่ยนอะไรมากมายเท่าไหร่
หลังจากออกไปแล้ว 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ ผมคงพักผ่อน ทำงานที่ร้านผ้าม่าน และทำการตลาดออนไลน์เป็นหลักครับ
รอสัปดาห์หน้า ผมก็ต้องไปเรียนคอร์ส การใช้ Photoshop สำหรับออกแบบและแต่งรูปภาพ เพื่อจะมาทำการตลาดครีมที่ผมกับแฟนร่วมกันทำอย่างจริงๆจังๆเสียที
จริงๆผมเองก็ติดเล่นอยู่มาก นั่งหน้าคอม ยังไงก็ต้องมีอ่านการ์ตูน ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆนั่นแหละครับ แต่เอาน่ะ ยังไงก็คงจะได้งานกันบ้างล่ะ ไม่มากก็น้อย
สติ๊กเกอร์ไลน์ผมก็ยังวาดอยู่ ยังมีอีกหลายไอเดียเลยทีเดียวที่ต้องวาดต่อให้จบ
...
เมื่อวานนี้ มีงานปาร์ตี้แผนก ก็เลี้ยงกันเนื่องในโอกาสวาระปีใหม่ และเลี้ยงส่งผม กับน้องอีกคนที่จะลาออกตอนสิ้นปีนี้ ซึ่งของผมเองใช้วันลาพักร้อน ก็เลยลาได้ยาวตั้งแต่สิ้นปีขึ้นมาอีก 2 อาทิตย์ จนสุดท้ายคือเหลือทำงานแค่วันศุกร์ที่ 11 นี้ก็จบแล้วครับ ชีวิตพนักงานกินเงินเดือนของผม
แต่เดี๋ยวกะว่า วันศุกร์นี้ จะเลี้ยงอีกทีนึง สำหรับเพื่อนที่ทำงานผมหลายๆคนที่เคยร่วมงานกันมา ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน และรุ่นน้องที่ผมสนิทสนมด้วยตลอด 10 ปี (บางคนอาจจะมีแค่ช่วงหลังๆ) คงจะได้จัดเมากันเต็มเหนี่ยวเป็นการสั่งลาเป็นแน่ หึๆๆ
...
หลังจากว่างๆและมีเวลานั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมก็มาลองวางแผนดูว่า หลังจากออกไปแล้ว ผมจะทำอะไรต่อไปยังไงดีได้บ้าง
1) คงต้องช่วยงานที่ร้านผ้าม่าน ฝึกตัวเองให้พอจะทำงานติดตั้งเองได้ รวมไปถึงคิดราคาผ้าม่านเองได้บ้าง จะได้ช่วยลดภาระของแฟนบ้าง
2) ฝึกสกิลด้านแต่งรูป photoshop , illustrator เพื่อจะได้เอามาแต่งเว็ปทำรูปสินค้าเพื่อโปรโมทครีมของตัวเองที่ทำกับแฟน
3) ใช้ความสามารถด้านการวาดรูป+Illustrator ที่กำลังจะได้เรียนมา เอามาวาดรูปทำพวก Stock Vector เพื่อเพิ่ม port สร้าง passive income อีกอย่างหนึ่ง
4) ใช้เวลาว่างวาด Sticker line อย่างน้อย ก็ต้องให้ได้ครบตามที่วางแผนเอาไว้นั่นแหละ (10 แบบได้)
5) ทำครีมดูสักปี ถ้ามันไม่ work ก็ต้องทำให้ work ก่อนจะคิดอ่านไปทำอย่างอื่นได้บ้าง
6) ถ้ามีตังค์เก็บมากพอ ก็อาจคิดเรื่องเรียนโท สนใจด้าน marketing , จิตวิทยา , Product Design , การเงิน และกฏหมาย ถ้ามีโอกาส ก็อยากเรียนแม่งทุกอย่างเลย
7) ถ้าได้เรียนถึง ป.เอก ก็อาจผันตัวไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย (อย่างน้อยก็ได้มองนักศึกษาบ้างล่ะนะ 555)
8) ถ้าเบื่อ ก็อาจกลับไปทำงานโรงงาน แต่คงเลือกที่ใกล้บ้านเป็นหลัก ทำได้ดีก็โอเค เบื่อก็ออก อะไรประมาณนั้น
9) ถ้ามี skill ด้าน illust มากพอ ก็อาจจะไปรับทำพวก ออกแบบสติ๊กเกอร์หรือโลโก้ หรือแม้แต่ออกแบบลายเสื้อยืดเอง อะไรก็ว่าไป
10) ถ้ามีโอกาส ก็อยากจะกลับไปเรียนเขียนแบบ แล้วอาจจะรับจ้างเขียนแบบเครื่องกล พวก Drawing , Solid Edge , Autocad อะไรพวกนี้ คิดถึงเหมือนกัน
ดูสิ เขียนเล่นๆ นึกได้ตั้งหลายอย่าง เป็นสิบแน่ะ
ยังไม่รู้ว่าจะทำได้กี่ข้อหรือไปได้ไกลแค่ไหน แต่ก็นะ วางไว้ก่อนก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ เป็นแผนระยะยาวกันไป 5 ปี 10 ปี ไม่สาย ขอลองเดินทางในชีวิตนี้ให้สุดเรื่อยๆละกันนะ
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558
Review : One Punch Man โล้นซ่า หมัดเดียวจอด (Spoil พอสมควร)
ช่วงนี้เห็นหนึ่งในการ์ตูนที่ผมชอบเรื่องหนึ่ง กำลังเป็นกระแส Viral อยู่พอสมควรในช่วงนี้ อาจเนื่องด้วยเพราะเพิ่งมี Anime ลงจอไปไม่นาน เลยทำให้เกิดกระแสตอบรับในทางบวกค่อนข้างมาก
ซึ่งผมเองก็เพิ่งได้ไปดูเรื่องนี้ในรูปแบบ Anime มาสดๆร้อนๆ
ต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมยกให้เป็นเรื่องที่น่าติดตาม (สำหรับผม) มากที่สุดในช่วงปีนี้เลยทีเดียวครับ
เนื่องจาก plot เรื่องหลักที่ดูไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย และตัวละครที่มีสเน่ห์ กับมุขกวนประสาทแบบกำลังดี
แรกเริ่มเดิมที เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้แต่งในนามแฝงว่า ONE ซึ่งวาดคร่าวๆไว้ด้วยลายเส้นที่ออกจะไก่เขี่ยนิดๆ (จริงๆก็ไม่นิดเท่าไหร่หรอก) แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าติดตามโคตรๆ จึงไปถูกใจนักวาดการ์ตูนท่านหนึ่งคือ Yusuke Murata หรือก็คือผู้วาดการ์ตูนในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งของผมคือ Eyeshied 21 นั่นเองครับ
จุดเด่นของภาพอยู่ที่ลายเส้น องค์ประกอบด้านสรีระวิทยา และ Action ที่สวยงามสุดยอดครับ อ.แกบอกว่าได้แรงบันดาลใจในลายเส้นจากการ์ตูนฮีโร่ของฝรั่ง เลยทำให้เขาได้พัฒนาสกิลการวาดให้ตัวละครออกมามีมิติ สมจริง และสวยงามแบบนี้ครับ
ซึ่งอ่านมังงะก็ว่ามันส์แล้ว พอมาเป็นอนิเมะ ยิ่งมันส์เข้าไปใหญ่ครับ เนื่องด้วยลายเส้นและ Active Motion ที่สะใจและอลังการ์ในสเกลความเทพและพลังสุดโหดของตัวละครมากๆ
บวกกับมุขตลกที่ขำกระจายสไตล์แบบที่ อ.ถนัดครับ เพียงแต่จะแตกต่างกับ Eyeshield 21 อยู่พอสมควร โดยเรื่องนี้นั้นจะเน้นไปที่ความ "เกรียน" เป็นหลักครับ มุขตลกหน้าตาย ตลกผิดจังหวะ ไร้ซึ่งกาลเทศะจะมีมาให้เห็นกันตรึม (อย่างตอนที่แกเผลอเข้าไปอยู่ที่หลุมหลบภัยแล้วพบว่ามันไม่มีห้องน้ำนั่นก็...) กลับกับ Eyeshield ที่จะเน้นไปทาง ตลกหลุดโลก ตลกเล่นคำ ซึ่งเป็นสไตล์ของตระกูล Shonen ที่เน้นให้เข้าใจมุขกันง่ายๆครับ
แต่เรื่อง One Punch Man นั้นจะเหนือขึ้นไปอีกขั้นครับ คือจะมีการสอดแทรกมุขแบบ "ไม่ตั้งใจให้ฮา" เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นนึงของเรื่องนี้เลยทีเดียวครับ
กลับมาที่เนื้อเรื่องกันบ้าง
สำหรับ One Punch Man นั้น ตอนแรก เนื้อเรื่องเริ่มต้นขึ้นที่การปรากฏตัวของปิศาจตัวหนึ่ง (ซึ่งหน้าตาเหมือนพิโกโร่ใน DBZ มากๆ) ซึ่งพี่แกโผล่มาแกก็กวาดเมืองถล่มไปซะครึ่งค่อนเมืองทีเดียว
และขณะที่กำลังจะถล่มเมืองต่อ ก็ปราดสายตาไปเห็นเด็กน้อยยืนร้องไห้ตัวสั่นอยู่คนเดียว ตามสไตล์ของผู้ร้ายสายโหด ก็ต้องขย้ำเหยื่อน้อยๆเป็นธรรมดา
นั่นคือตอนเปิดตัวไซตามะครับ
หนุ่มหน้าตาธรรมดาแต่หัวโล้นเลี่ยน(?) โฉบเข้ามาช่วยเด็กน้อยไปได้ทันหวุดหวิด ก่อนจะหันมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และขณะที่เจ้าปิศาจ (ที่ในเรื่องให้ชื่อว่า วัคซีนแมน) นั้นอธิบายที่มาที่ไปของตนเองว่าเป็นตัวอะไรและมาทำลายโลกนี้เพื่ออะไร ขณะที่กำลังจะอัดพระเอกให้ตายคามือ
พี่โล้นแกก็ตวัดหมัดเข้าไปเปรี้ยงเดียวจนปิศาจผู้น่าสงสารร่างสลายกระจายกลายเป็นเศษขี้ผึ้งเปื้อนฝุ่นไปอย่างง่ายดาย
พลางทิ้งท้ายไว้ด้วย Capture สั้นๆอย่างชีช้ำระกำจิตว่า
"หมัดเดียวอีกแล้วหรือนี่??"
ปัญหาของพระเอกของเราเรื่องนี้มีอยู่ข้อเดียวตั้งแต่เริ่มจนจบครับ
คือการ "ต่อยหมัดเดียวตาย"
ไม่ว่าศัตรูจะร้ายกาจมาจากไหน จะโหดเถื่อนเพื่อพญายมอมชาวไซย่ามาจากจักรวาลไหนก็ตาม พี่โล้นไซตามะของเราถ้าเผลอ เป็นได้ต่อยแล้ว หมัดเดียวตายเรียบทุกครั้งไป
นั่นทำให้พี่ไซฯของเรานั้น ต่างฝันใฝ่เฝ้ารอให้มีศัตรูสักคนโผล่มาให้แกได้รู้สึกตื่นเต้นสนุกสนานไปกับการต่อสู้ได้บ้างไม่มากก็น้อย
แต่ในความเป็นจริง มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยแม้สักนิดครับ เพราะศัตรูทุกผู้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาเฉียดรั้วบ้านพี่แก เป็นเจอแกต้องตายเรียบโดยที่แกแทบไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ
เนื้อเรื่องวนอยู่ประมาณแนวๆนี้ไปเรื่อยๆครับ สลับกับการปรากฏตัวของตัวละครใหม่ๆที่ค่อยๆเพิ่มเข้ามาให้วนเวียนอยู่ในชีวิตของพี่โล้นของเราอย่างต่อเนื่อง
เริ่มต้นด้วยจีนอส หนุ่มไซบอร์กสุดเท่ห์ที่ต้องการจะปราบคนพาล อภิบาลคนดี พร้อมกับมองหาจอมวายร้ายที่ฆ่าครอบครัวของเขาไปด้วย เพื่อล้างแค้น
โซนิค ความเร็วเสียง วายร้ายนินจาที่หุ่นนี่บางทีก็นึกไปว่ามันเป็นชายหรือหญิงกันแน่ ออกมาโชว์ซุปเปอร์สปีดเพื่อจะพบว่าความเร็วแค่ไหนก็ไม่ทำให้ไซตามะรู้สึกกับโซนิคได้มากกว่าตัวประกอบ (แถมยังจำชื่อผิดไปอีกตะหาก 555)
คิง ฮีโร่ระดับ S Class ที่มีเบื้องหน้าเป็นชายที่น่ากลัวที่สุดในโลก แต่เบื้องหลังกลับเป็นแค่หนุ่มโอตาคุที่ไม่ได้เก่งอะไรเลยแม้แต่น้อย แถมยังชอบเล่นเกมส์จีบสาวอีกตะหาก แม้ไซตามะจะเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของคิง(โดยไม่ตั้งใจ) แต่ดูเหมือนพี่โล้นแกจะไม่สนใจอะไรในตัวคิงเลยนอกจากเกมส์ที่ยืมมาได้ (และชอบเผลอเซฟเกมส์ทับโดยไม่ตั้งใจอยู่เรื่อย)
ฟุบุกิ สาวสวยหุ่นสุดเอ็กซ์ ที่เป็นฮีโร่คลาส B เป็นน้องสาวของ ทัตซึมากิ สาวเอสเปอร์ที่เป็นอันดับ 2 ของฮีโร่คลาส S ด้วยความเชื่อผิดๆที่ต้องการจะรวมพวก Class B หลายคนขึ้นมาเพื่อสร้างกองทัพไว้ต่อกรกับฮีโร่ที่ระดับสูงกว่า แต่ก็ต้องโดนไซตามะโชว์เทพจนสุดท้าย ก็อดเป็นปลื้มและมาขอเอี่ยวเทียวไปเทียวมาบ้านพี่แกเป็นระยะๆไม่ได้
แบงค์ ตาลุงเฒ่าล่ำบึ้ก ฮีโร่คลาส S อันดับ 3 เจ้าของหมัดสายน้ำอะไรสักอย่างที่ดูจะเทพมากๆ แต่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รับรู้ถึงความเทพของไซตามะ และยอมรับให้พี่แกเป็นหนึ่งในผู้ที่เก่งกาจที่สุดในความคิดของลุงแก
นอกจากนั้น หลายๆครั้ง เนื้อเรื่องก็จูงไปยังความเทพของพระเอก โดยการสร้างสถานการณ์ต่างๆให้พี่โล้นแกได้โชว์เทพอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น อุกาบาต ถล่มโลก ที่พี่โล้นแกก็ยัง "หมัดเดียวอยู่" เหมือนเดิม
หรือตอน "เจ้าสมุทร" ที่กว่าไซตามะจะพ้นจากการหลงทางไปถึงบอสได้ ฮีโร่หลายคนก็โดนตบจนเดี้ยงไปเป็นแถบ รวมถึง "ปุริ ปุริ ไพรซันเนอร์" ตุ๊ดล่ำบึ้กฮีโร่คลาส S หรือแม้แต่ จีนอสที่มาถึงก่อน ก็พ่นกรดใส่จนหายไปเกือบหมดทั้งตัว และก่อนหน้านั้นอีกมายมายที่โดนตบจนคว่ำกันเป็นแถบ แต่พอพี่โล้นแกมาก็ตามระเบียบครับ ตู้มเดียวจอด แล้วจากไปโดยเพิ่มสหายมาอีกหนึ่งคือ "ไรเดอร์ไร้ใบขับขี่" ที่ยอมรับในตัวพี่แกว่าเป็นฮีโร่ตัวจริง ขณะที่คนอื่นกลับมองว่าไซตามะเป็นแค่คนที่คอย "ชุบมือเปิบ" เท่านั้น
และมาพีคสุดๆเอาตอนที่เอเลี่ยนถล่มโลกครับ
มีอยู่ช็อตนึงที่ไซตามะโดนตบเปรี้ยงจนกระเด็นไปถึงดวงจันทร์ และพี่โล้นแกก็ลุกขึ้นมาพร้อมๆกับกลั้นหายใจเหมือนดำน้ำ แล้วก็กระโดดตู้มเดียวกลับมายังโลก
แค่ดอกนี้ดอกเดียวก็เห็นแล้วครับว่า พี่แกโหดแค่ไหน ขอบเขตพลังแกบ้าบอมากครับ
ยิ่งไซตามะบอกว่า ต้นเหตุความแข็งแกร่งของตัวเองนั้นอยู่ที่ "การวิดพื้น 100 ที ซิตอัพ 100 ที และวิ่ง 10 กิโลทุกวัน" ยิ่งทำให้ความตลกและมั่วนิ่มมันเพิ่มเข้าไปอีก (ถ้าทำแค่นั้นแล้วเป็นอย่างไซตามะได้ล่ะก็ ป่านนี้พวกนักมวยคงกลายเป็นไซตามะกันหมดแล้ว 555)
ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะไปต่อได้ไกลถึงไหน แต่ด้วยการปูเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ปริมาณตัวละคร และความถี่ในการออกแต่ละตอนที่แบบว่า (รอเป็นเดือน อ่าน 3 นาทีจบ) นะ น่าจะทำให้การ์ตูนเรื่องนี้วาดไปได้ไกลเรื่อยๆและสนุกเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงตอนที่ไซตามะได้รับฉายาฮีโร่ว่า "One Punch Man" ซึ่งผมคิดว่านั่นคงเป็นจุดจบ (หรือไม่ก็ใกล้ๆจบ) ของเรื่องล่ะนะครับ
ปล. เพลงเปิด openning ใน anime มันส์สลัดเลยครับขอบอก
....................
นอกจาก One Punch Man แล้ว การ์ตูนเรื่องอื่นที่ผมตามอ่านอยู่อย่างสนุกสนานและพลาดไม่ได้เลยในตอนนี้ ก็มีครับ อย่างเช่น
One Piece อันนี้ไม่ต้องบอกอะไรมาก
Black Cover การ์ตูนนอกสายตาที่เพิ่งมีมาไม่กี่ตอน แต่เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก สอดแทรกกับมุขตลกแบบถูกจังหวะจะโคน ความมุ่งมั่นและบ้าระห่ำของพระเอก กับอาวุธและเวทย์มนต์ที่เหลือรับประทาน รวมถึงตัวละครที่มีสเน่ห์อีกหลายตัวกับลายเส้นที่สวยงามใช้ได้ทีเดียว ใครไม่เคยลองอ่าน ลองหาดูนะครับ
Re:Monster การ์ตูนจาก Light Novel ของญี่ปุ่น ประมาณว่า 18+ พอสมควร แต่ทำเป็นมังงะแล้วไม่ได้ Hardcore มาก พอจะอ่านได้อย่างไม่ต้องเครียด เข้มข้นที่เนื้อเรื่องและการผสมผสานทางแฟนตาซีที่จริงๆแล้วแนวๆนี้ก็มีมาเยอะ แต่ผมชอบเรื่องนี้มากที่สุดครับ
Haikyuu การ์ตูนวอลเล่ย์บอลที่เพิ่งจะเคยเห็นคนวาดมาแล้วสนุกได้ขนาดนี้ อารมณ์ประมาณ Slamdunk ก็ไม่ปราณ (แม้จะยกให้เรื่องนั้นขึ้นหิ้งไปแล้วก็ตามที) เนื้อเรื่องไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เป็นธรรมดาของการ์ตูนกีฬา แต่การวางสตอรี่ไลน์ การให้อารมณ์ที่ถึงลูกถึงคน การจัดวางองค์ประกอบต่างๆของเรื่องนี้ ทำได้ดีมากๆ Peak แล้ว Peak อีก บางตอนนี่ถึงกับตบเข่าผางเลยทีเดียว พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงครับ
Kingdom การ์ตูนสงครามของจีนที่สนุกและน่าติดตามมากๆอีกเรื่องครับ พระเอกเท่ห์และเถื่อนดี ตั้งใจจะดู anime เร็วๆนี้ครับ
ซึ่งผมเองก็เพิ่งได้ไปดูเรื่องนี้ในรูปแบบ Anime มาสดๆร้อนๆ
ต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมยกให้เป็นเรื่องที่น่าติดตาม (สำหรับผม) มากที่สุดในช่วงปีนี้เลยทีเดียวครับ
เนื่องจาก plot เรื่องหลักที่ดูไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย และตัวละครที่มีสเน่ห์ กับมุขกวนประสาทแบบกำลังดี
แรกเริ่มเดิมที เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้แต่งในนามแฝงว่า ONE ซึ่งวาดคร่าวๆไว้ด้วยลายเส้นที่ออกจะไก่เขี่ยนิดๆ (จริงๆก็ไม่นิดเท่าไหร่หรอก) แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าติดตามโคตรๆ จึงไปถูกใจนักวาดการ์ตูนท่านหนึ่งคือ Yusuke Murata หรือก็คือผู้วาดการ์ตูนในดวงใจอีกเรื่องหนึ่งของผมคือ Eyeshied 21 นั่นเองครับ
จุดเด่นของภาพอยู่ที่ลายเส้น องค์ประกอบด้านสรีระวิทยา และ Action ที่สวยงามสุดยอดครับ อ.แกบอกว่าได้แรงบันดาลใจในลายเส้นจากการ์ตูนฮีโร่ของฝรั่ง เลยทำให้เขาได้พัฒนาสกิลการวาดให้ตัวละครออกมามีมิติ สมจริง และสวยงามแบบนี้ครับ
ซึ่งอ่านมังงะก็ว่ามันส์แล้ว พอมาเป็นอนิเมะ ยิ่งมันส์เข้าไปใหญ่ครับ เนื่องด้วยลายเส้นและ Active Motion ที่สะใจและอลังการ์ในสเกลความเทพและพลังสุดโหดของตัวละครมากๆ
บวกกับมุขตลกที่ขำกระจายสไตล์แบบที่ อ.ถนัดครับ เพียงแต่จะแตกต่างกับ Eyeshield 21 อยู่พอสมควร โดยเรื่องนี้นั้นจะเน้นไปที่ความ "เกรียน" เป็นหลักครับ มุขตลกหน้าตาย ตลกผิดจังหวะ ไร้ซึ่งกาลเทศะจะมีมาให้เห็นกันตรึม (อย่างตอนที่แกเผลอเข้าไปอยู่ที่หลุมหลบภัยแล้วพบว่ามันไม่มีห้องน้ำนั่นก็...) กลับกับ Eyeshield ที่จะเน้นไปทาง ตลกหลุดโลก ตลกเล่นคำ ซึ่งเป็นสไตล์ของตระกูล Shonen ที่เน้นให้เข้าใจมุขกันง่ายๆครับ
แต่เรื่อง One Punch Man นั้นจะเหนือขึ้นไปอีกขั้นครับ คือจะมีการสอดแทรกมุขแบบ "ไม่ตั้งใจให้ฮา" เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นนึงของเรื่องนี้เลยทีเดียวครับ
กลับมาที่เนื้อเรื่องกันบ้าง
สำหรับ One Punch Man นั้น ตอนแรก เนื้อเรื่องเริ่มต้นขึ้นที่การปรากฏตัวของปิศาจตัวหนึ่ง (ซึ่งหน้าตาเหมือนพิโกโร่ใน DBZ มากๆ) ซึ่งพี่แกโผล่มาแกก็กวาดเมืองถล่มไปซะครึ่งค่อนเมืองทีเดียว
และขณะที่กำลังจะถล่มเมืองต่อ ก็ปราดสายตาไปเห็นเด็กน้อยยืนร้องไห้ตัวสั่นอยู่คนเดียว ตามสไตล์ของผู้ร้ายสายโหด ก็ต้องขย้ำเหยื่อน้อยๆเป็นธรรมดา
นั่นคือตอนเปิดตัวไซตามะครับ
หนุ่มหน้าตาธรรมดาแต่หัวโล้นเลี่ยน(?) โฉบเข้ามาช่วยเด็กน้อยไปได้ทันหวุดหวิด ก่อนจะหันมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และขณะที่เจ้าปิศาจ (ที่ในเรื่องให้ชื่อว่า วัคซีนแมน) นั้นอธิบายที่มาที่ไปของตนเองว่าเป็นตัวอะไรและมาทำลายโลกนี้เพื่ออะไร ขณะที่กำลังจะอัดพระเอกให้ตายคามือ
พี่โล้นแกก็ตวัดหมัดเข้าไปเปรี้ยงเดียวจนปิศาจผู้น่าสงสารร่างสลายกระจายกลายเป็นเศษขี้ผึ้งเปื้อนฝุ่นไปอย่างง่ายดาย
พลางทิ้งท้ายไว้ด้วย Capture สั้นๆอย่างชีช้ำระกำจิตว่า
"หมัดเดียวอีกแล้วหรือนี่??"
ปัญหาของพระเอกของเราเรื่องนี้มีอยู่ข้อเดียวตั้งแต่เริ่มจนจบครับ
คือการ "ต่อยหมัดเดียวตาย"
ไม่ว่าศัตรูจะร้ายกาจมาจากไหน จะโหดเถื่อนเพื่อพญายมอมชาวไซย่ามาจากจักรวาลไหนก็ตาม พี่โล้นไซตามะของเราถ้าเผลอ เป็นได้ต่อยแล้ว หมัดเดียวตายเรียบทุกครั้งไป
นั่นทำให้พี่ไซฯของเรานั้น ต่างฝันใฝ่เฝ้ารอให้มีศัตรูสักคนโผล่มาให้แกได้รู้สึกตื่นเต้นสนุกสนานไปกับการต่อสู้ได้บ้างไม่มากก็น้อย
แต่ในความเป็นจริง มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยแม้สักนิดครับ เพราะศัตรูทุกผู้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาเฉียดรั้วบ้านพี่แก เป็นเจอแกต้องตายเรียบโดยที่แกแทบไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ
เนื้อเรื่องวนอยู่ประมาณแนวๆนี้ไปเรื่อยๆครับ สลับกับการปรากฏตัวของตัวละครใหม่ๆที่ค่อยๆเพิ่มเข้ามาให้วนเวียนอยู่ในชีวิตของพี่โล้นของเราอย่างต่อเนื่อง
เริ่มต้นด้วยจีนอส หนุ่มไซบอร์กสุดเท่ห์ที่ต้องการจะปราบคนพาล อภิบาลคนดี พร้อมกับมองหาจอมวายร้ายที่ฆ่าครอบครัวของเขาไปด้วย เพื่อล้างแค้น
โซนิค ความเร็วเสียง วายร้ายนินจาที่หุ่นนี่บางทีก็นึกไปว่ามันเป็นชายหรือหญิงกันแน่ ออกมาโชว์ซุปเปอร์สปีดเพื่อจะพบว่าความเร็วแค่ไหนก็ไม่ทำให้ไซตามะรู้สึกกับโซนิคได้มากกว่าตัวประกอบ (แถมยังจำชื่อผิดไปอีกตะหาก 555)
คิง ฮีโร่ระดับ S Class ที่มีเบื้องหน้าเป็นชายที่น่ากลัวที่สุดในโลก แต่เบื้องหลังกลับเป็นแค่หนุ่มโอตาคุที่ไม่ได้เก่งอะไรเลยแม้แต่น้อย แถมยังชอบเล่นเกมส์จีบสาวอีกตะหาก แม้ไซตามะจะเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของคิง(โดยไม่ตั้งใจ) แต่ดูเหมือนพี่โล้นแกจะไม่สนใจอะไรในตัวคิงเลยนอกจากเกมส์ที่ยืมมาได้ (และชอบเผลอเซฟเกมส์ทับโดยไม่ตั้งใจอยู่เรื่อย)
ฟุบุกิ สาวสวยหุ่นสุดเอ็กซ์ ที่เป็นฮีโร่คลาส B เป็นน้องสาวของ ทัตซึมากิ สาวเอสเปอร์ที่เป็นอันดับ 2 ของฮีโร่คลาส S ด้วยความเชื่อผิดๆที่ต้องการจะรวมพวก Class B หลายคนขึ้นมาเพื่อสร้างกองทัพไว้ต่อกรกับฮีโร่ที่ระดับสูงกว่า แต่ก็ต้องโดนไซตามะโชว์เทพจนสุดท้าย ก็อดเป็นปลื้มและมาขอเอี่ยวเทียวไปเทียวมาบ้านพี่แกเป็นระยะๆไม่ได้
แบงค์ ตาลุงเฒ่าล่ำบึ้ก ฮีโร่คลาส S อันดับ 3 เจ้าของหมัดสายน้ำอะไรสักอย่างที่ดูจะเทพมากๆ แต่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รับรู้ถึงความเทพของไซตามะ และยอมรับให้พี่แกเป็นหนึ่งในผู้ที่เก่งกาจที่สุดในความคิดของลุงแก
นอกจากนั้น หลายๆครั้ง เนื้อเรื่องก็จูงไปยังความเทพของพระเอก โดยการสร้างสถานการณ์ต่างๆให้พี่โล้นแกได้โชว์เทพอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น อุกาบาต ถล่มโลก ที่พี่โล้นแกก็ยัง "หมัดเดียวอยู่" เหมือนเดิม
หรือตอน "เจ้าสมุทร" ที่กว่าไซตามะจะพ้นจากการหลงทางไปถึงบอสได้ ฮีโร่หลายคนก็โดนตบจนเดี้ยงไปเป็นแถบ รวมถึง "ปุริ ปุริ ไพรซันเนอร์" ตุ๊ดล่ำบึ้กฮีโร่คลาส S หรือแม้แต่ จีนอสที่มาถึงก่อน ก็พ่นกรดใส่จนหายไปเกือบหมดทั้งตัว และก่อนหน้านั้นอีกมายมายที่โดนตบจนคว่ำกันเป็นแถบ แต่พอพี่โล้นแกมาก็ตามระเบียบครับ ตู้มเดียวจอด แล้วจากไปโดยเพิ่มสหายมาอีกหนึ่งคือ "ไรเดอร์ไร้ใบขับขี่" ที่ยอมรับในตัวพี่แกว่าเป็นฮีโร่ตัวจริง ขณะที่คนอื่นกลับมองว่าไซตามะเป็นแค่คนที่คอย "ชุบมือเปิบ" เท่านั้น
และมาพีคสุดๆเอาตอนที่เอเลี่ยนถล่มโลกครับ
มีอยู่ช็อตนึงที่ไซตามะโดนตบเปรี้ยงจนกระเด็นไปถึงดวงจันทร์ และพี่โล้นแกก็ลุกขึ้นมาพร้อมๆกับกลั้นหายใจเหมือนดำน้ำ แล้วก็กระโดดตู้มเดียวกลับมายังโลก
แค่ดอกนี้ดอกเดียวก็เห็นแล้วครับว่า พี่แกโหดแค่ไหน ขอบเขตพลังแกบ้าบอมากครับ
ยิ่งไซตามะบอกว่า ต้นเหตุความแข็งแกร่งของตัวเองนั้นอยู่ที่ "การวิดพื้น 100 ที ซิตอัพ 100 ที และวิ่ง 10 กิโลทุกวัน" ยิ่งทำให้ความตลกและมั่วนิ่มมันเพิ่มเข้าไปอีก (ถ้าทำแค่นั้นแล้วเป็นอย่างไซตามะได้ล่ะก็ ป่านนี้พวกนักมวยคงกลายเป็นไซตามะกันหมดแล้ว 555)
ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะไปต่อได้ไกลถึงไหน แต่ด้วยการปูเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ปริมาณตัวละคร และความถี่ในการออกแต่ละตอนที่แบบว่า (รอเป็นเดือน อ่าน 3 นาทีจบ) นะ น่าจะทำให้การ์ตูนเรื่องนี้วาดไปได้ไกลเรื่อยๆและสนุกเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงตอนที่ไซตามะได้รับฉายาฮีโร่ว่า "One Punch Man" ซึ่งผมคิดว่านั่นคงเป็นจุดจบ (หรือไม่ก็ใกล้ๆจบ) ของเรื่องล่ะนะครับ
ปล. เพลงเปิด openning ใน anime มันส์สลัดเลยครับขอบอก
....................
นอกจาก One Punch Man แล้ว การ์ตูนเรื่องอื่นที่ผมตามอ่านอยู่อย่างสนุกสนานและพลาดไม่ได้เลยในตอนนี้ ก็มีครับ อย่างเช่น
One Piece อันนี้ไม่ต้องบอกอะไรมาก
Black Cover การ์ตูนนอกสายตาที่เพิ่งมีมาไม่กี่ตอน แต่เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก สอดแทรกกับมุขตลกแบบถูกจังหวะจะโคน ความมุ่งมั่นและบ้าระห่ำของพระเอก กับอาวุธและเวทย์มนต์ที่เหลือรับประทาน รวมถึงตัวละครที่มีสเน่ห์อีกหลายตัวกับลายเส้นที่สวยงามใช้ได้ทีเดียว ใครไม่เคยลองอ่าน ลองหาดูนะครับ
Re:Monster การ์ตูนจาก Light Novel ของญี่ปุ่น ประมาณว่า 18+ พอสมควร แต่ทำเป็นมังงะแล้วไม่ได้ Hardcore มาก พอจะอ่านได้อย่างไม่ต้องเครียด เข้มข้นที่เนื้อเรื่องและการผสมผสานทางแฟนตาซีที่จริงๆแล้วแนวๆนี้ก็มีมาเยอะ แต่ผมชอบเรื่องนี้มากที่สุดครับ
Haikyuu การ์ตูนวอลเล่ย์บอลที่เพิ่งจะเคยเห็นคนวาดมาแล้วสนุกได้ขนาดนี้ อารมณ์ประมาณ Slamdunk ก็ไม่ปราณ (แม้จะยกให้เรื่องนั้นขึ้นหิ้งไปแล้วก็ตามที) เนื้อเรื่องไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เป็นธรรมดาของการ์ตูนกีฬา แต่การวางสตอรี่ไลน์ การให้อารมณ์ที่ถึงลูกถึงคน การจัดวางองค์ประกอบต่างๆของเรื่องนี้ ทำได้ดีมากๆ Peak แล้ว Peak อีก บางตอนนี่ถึงกับตบเข่าผางเลยทีเดียว พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงครับ
Kingdom การ์ตูนสงครามของจีนที่สนุกและน่าติดตามมากๆอีกเรื่องครับ พระเอกเท่ห์และเถื่อนดี ตั้งใจจะดู anime เร็วๆนี้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)