วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ....

ตะกี้เพิ่งเข้ามาทำงาน

นั่งคิดวันเวลาที่เหลือสำหรับเป็นพนักงานที่นี่แล้ว เหลือ 116 วัน

ถ้าไม่นับเสาร์อาทิตย์ เหลือ 79 วัน

ถ้าตัดเอาวันลาพักร้อนที่จะสมทบตอนปลายปีให้หมด จะเหลือประมาณ 66 วัน

66 วัน

เป็น 66 วันที่ยาวนานชิบหาย

เหมือนติดคุกอะไรยังไงยังงั้นเลย

ให้ตายเหอะ

น่าเบื่อมากๆ

หัวหน้าใหม่กูนี่ แม่มมม เกินจะบรรยาย

ถ้ากวนตีนกว่านี้อีกหน่อยเดียวนี่ กูชิงลาออกไม่เอาโบนัสไปแล้ว ให้ตายเหอะ

เป็นมนุษย์ที่ตงฉินซะจนน่ารำคาญ
เออ... ถ้าให้พูดกันจริงๆ แม่งก็คงดีกว่า กังฉินอ่ะนะ
แต่มันไม่ไหวว่ะ ยิ่งเคยทำงานกะคุเมะมาก่อน มาเจออีนี่นี่แบบว่า โอยยยย... อยากกุมขมับวันละ 4 เวลา

ทำไมนะ เมื่อเช้าถึงตื่นแล้วไม่ลุก มันเป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่เราก็ตื่นได้แท้ๆ นอนก็นอนไม่ดึก อะไรวะ
วินัยเราหายไปไหนหมดแล้ว ทำไมไม่มีความรับผิดชอบห่าอะไรเลยวะกู น่ารำคาญตัวเองชิบหาย
หรือเพราะเรามันหลุดจาก Mind Set พนักงานทำงานประจำไปแล้ว

ยิ่งเมื่อวานไปดู "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" มาด้วย

ยิ่งเกิดอาการแบบว่า เอ่อ... จะจริงจังกะการทำงานไปไหน

คือ มันไม่ใช่ความสนุกหรือความชอบของเราอีกแล้วอ่ะ แล้วจะทนทำไปทำไมวะ อันนี้ไม่เข้าใจจริงๆ

ยิ่งพระเอกในเรื่อง มันเป็นคนที่เหมือนเราในสมัยก่อน และเป็นคนที่ตรงข้ามกับเราสุดๆแบบสมัยนี้
มันเลยเข้าใจทั้ง 2 แง่มุมอ่ะนะ

ว่าไอ้การ "ทำงานจนตัวตาย" น่ะ มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าเรา "หลง" ไปเชื่อจริงๆว่า ร่างกายเราจะเหมือนกับตอนสมัยเด็กๆ

ที่จะทำอะไร หนักแค่ไหน ก็ยังอยู่ได้ ยังไหวๆ ซึ่งจริงๆแล้ว แม่งไม่ใช่ไง

คนเรา พออายุมากขึ้น อะไรๆที่เคยทำๆไว้ตอนสมัยก่อน แม่งก็มาปรากฏออกหมดนั่นแหละ

เหมือนแต่ก่อน แดกเหล้าจัด แดกจนร้านปิด ถึงเช้า วนมาจนเย็นอีกรอบได้ ไม่นอนกันติดๆหลายวัน ยิ่งตอนสอบนี่ไม่ต้องพูด ชอบคิดไปว่า อ่านหนังสือโต้รุ่งแล้วจะดี ให้ตายสิ อยากกลับไปเรียนใหม่ชิบหาย ชีวิตจะได้บาลานซ์กว่านี้หน่อย แดกเหล้าเยอะไปแม่งก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นจริงๆ

พอมาตอนอายุได้เกือบๆ 30 คือ แดกเหล้าไม่ไหวแล้วไง กินถึงตีหนึ่งนี่ ไม่ต้องตื่นเลย 6-7 โมง ไม่มีทางไหว ร่างกายแม่งยอมแพ้สัดๆอ่ะ ต่อให้มึงฝืนสังขารตื่นมา ก็ไม่รอดหรอก ปวดหัว ตัวเหลืองตัวเขียวทั้งวันอ่ะ ต้องหาทางหลบนอนให้ได้ ไม่งั้นจบ

พอมาเจอ "ไอ้จูน" ที่แม่ง ตอนเรียนไม่เคยกินเหล้าเลย ก็เลยได้รู้อย่างชัดๆเลยว่า "ความสด" แม่งเป็นยังไง

ตามมากินตอน 3 ทุ่ม แดกเหล้าเพียงไป 6 ฝาติด นั่งกินยังร้านปิด ไปกินต่อที่ห้อง กินถึงตี 4 ตี 5 นอนชม.เดียว ไอ้ห่าจูนลุกไปทำงานได้เฉย

พวกกูนอนตายถึงบ่าย 2 แถมตื่นมายังสภาพอุบาทว์สุดๆอีก
ดีนะ ตอนนั้นไม่มีแฟน ไม่งั้นชีวิตไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก คงไปไหนตามนั่นก็เพื่อนไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอกนะ

ยิ่งเดี๋ยวนี้มีแฟน ชีก็สามารถบอกได้อีกว่า "เป็นห่วง" ทีเดียวจบ จะให้ไปแดกเหล้าแล้วค้างกะเพื่อนนี่ หมดสิทธิ์ ยิ่งกูเป็นพ่อบ้านใจกล้าชิบหายอีก ไอ้เรื่องจะหนีเมียเที่ยวนี่ไม่มีล่ะครับผม ยอมคือยอม โดนทะเลาะแล้วเขาผิด ดีกว่าทะเลาะกันเพราะเราชั่ว มากมายนัก

เฮ้อ.... อยากถอนหายใจเป็นภาษาลาตินชิบหาย ทำไมชีวิตช่วงนี้มันอับเฉาอะไรขนาดนี้วะ
ให้ทำอะไรก็ไม่อยากทำเลยสักอย่าง
แค่จะหิ้วสังขารตัวเองมาทำงานนี่ก็เรื่องใหญ่งานช้างไปซะแล้ว
บทพอจะลา กูแม่ง ทำสันดานเสียตลอด

เค้าว่า "คนจริง" จะกล้าปฏิเสธและเผชิญหน้า กูคงไม่จริงเท่าไหร่ล่ะมั้งนะ ขี้ปอดเหลือเกิน

ส่วนเรื่องหนัง....

เอาง่ายๆ ใครหวังว่าจะได้ดูอะไรอย่าง "พี่มากฯ" "แอมฟาย" "ATM" "เพื่อนสนิท" "กวนมึนโฮ"
ขอแนะนำว่า

ไม่ต้องไปดูหรอกครับ

หนังแม่ง Real สัสๆ

หนังไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไหร่
มันแค่ "จริง" ในรายละเอียด
ก็เท่านั้น
ไม่มีเว่อร์ ไม่มีอะไรแฟนตาซี นอกจากเรื่องหมอสวย
นั่นแหละ แฟนตาซีและอัศจรรย์สุดแล้วในเรื่องหนัง

ถ้าจะไปดูกับแฟน "อย่า" ครับ ไปหาเรื่องอื่นดูเหอะ Inside Out ก็ได้ น่าดูกว่านะผมว่า

ส่วนถ้าจะดูคนเดียว
ช่วงนี้ มี Hitman กับ MI5 (ถ้ายังไม่ออก) ไม่ก็ Pixel อันนี้พอดูได้ครับ

ที่เหลือ ก็แล้วแต่วิจารณญาณกันนะจ๊ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น